ค่าน้ำนม ( Bm ) ชาญ เย็ญแข Bm | เสียงกระซิบสั่ง ( Bb ) ชาญ เย็นแข Bb |
Intro.... แม่นี้มีบุญคุณอันใหญ่หลวง ที่เฝ้าหวงห่วงลูกแต่หลังเมื่อยังนอนเปล แม่..เราเฝ้าโอ้ละเห่ กล่อมลูกน้อยนอนเปลไม่ห่างหันเห ไปจนไกล ...แต่เล็กจนโตโอ้แม่ถนอม แม่ผ่ายผอมย่อมเกิดจากรักลูกปักดวงใจ เติบ โตโอ้เล็กจนใหญ่ นี่แหละหนาอะไร มิใช่ใดหนาเพราะค่าน้ำนม ..ควร คิดพินิจให้ดี ค่าน้ำนมแม่นี้ จะมีอะไรเหมาะสม โอ้ว่าแม่จ๋า ลูกคิดถึงค่าน้ำนม เลือดในอกผสม กลั่นเป็นน้ำนมให้ลูกดื่มกิน ...ค่าน้ำนมควรชวนให้ลูกฝัง แต่เมื่อหลังเปรียบดังผืนฟ้าหนักกว่าแผ่นดิน บวช เรียนพากเพียรจนสิ้น หยดหนึ่งน้ำนมกิน ทดแทนไม่สิ้นพระคุณแม่เอย (ดนตรี 8 Bars..)6...7... ...ควร คิดพินิจให้ดี ค่าน้ำนมแม่นี้ จะมีอะไรเหมาะสม ..โอ้ว่าแม่จ๋า ลูกคิดถึงค่าน้ำนม เลือดในอกผสมกลั่นเป็นน้ำนมให้ลูกดื่มกิน ...ค่าน้ำนมควรชวนให้ลูกฝัง แต่เมื่อหลังเปรียบดังผืนฟ้าหนักกว่าแผ่นดิน ...บวช เรียนพากเพียรจนสิ้น หยดหนึ่งน้ำนมกินทดแทนไม่สิ้นพระคุณแม่เอย ..
| Intro........ ..เสียงกระซิบสั่งคงยังไม่ลืม อย่าลืมนะเออ ว่าฉันรักเธอเสมอแก้วตา ทูนใจ ฝาก รัก ซาบ ซึ้ง ไม่ถึงเพียงไร จำลาจากไปแล้วแก้วตา ..เสียง กระซิบสั่งคงยังไม่ลืม อย่าลืมน้ำคำ ให้คิดและจำด้วยน้ำใจจริง วา จา โอ้ รัก ชาตินี้ ไม่มีบุญวาสนา จำลาจากแล้วดวงใจ ..เรือง รอง ผ่อง แสง สุริยา เมื่อลับจากฟ้ายังกลับคืนมา วัน ใหม่ แต่ รัก เรา สอง ต้องครองระทมตรมใน จากไปแล้วไม่กลับคืน ..เสียง กระซิบสั่งคงยังไม่ลืม อย่าลืมเสียเลย ว่าสองเราเคยเอ่ยรักกันเพียง จะ กลืน โอ้ รัก ผิด หวัง ประดังดวงใจสุดฝืน จำกลืนกล้ำน้ำตานอน (ดนตรี......) ..เสียง กระซิบสั่งคงยังไม่ลืม อย่าลืมเสียเลย ว่าสองเราเคยเอ่ยรักกันเพียง จะ กลืน โอ้ รัก ผิด หวัง ประดังดวงใจสุดฝืน จำกลืนกล้ำน้ำตานอน....
|
สามหัวใจ ( A ) ชาญ เย็นแข A | ว่าวขาดลอย ( Eb ) ชาญ เย็นแข Eb |
ดนตรี 5 Bars..3...4... 5.สาปแล้วไม่ขอรักใครใฝ่ปอง คิดครองเป็นคู่ ทุกวันนี้อยู่กล้ำกลืนน้ำตา ตกใน เกิดมามีมาร เฝ้าแต่ประหารดวงใจ ช้ำจิตคิดไป หมองไหม้ทุกตรม กรวดน้ำคว่ำขันรักกันชาติเดียว ล้างเกลียวสวาท หัวใจแทบขาด พลาดความหวังเคย ชื่นชม เจ็บจำไปนาน หลงเชื่อคำหวานภิรมย์ รักจึงระทม ทุกข์ตรมทรวงใน คนเดียวมีสามหัวใจครอบครอง รักปองไม่จริง รักเผื่อเลือกทิ้งนี่คนอะไร ผ่านความโสมม สังคมยุคใหม่ เหลียวหาหัวใจแน่นอนไม่มี อย่าพบอย่าพานพวกมารผจญ ต้องทนวิบาก รักกันแล้วจาก พรากกันเหมือนตาย หน่ายหนี เกลียดกลัวจนตาย ขอสาปมารร้ายชีวี พ้นไปเสียที ไม่มีกรรมเวร ดนตรี 5 Bars..3...4... 5.อย่าพบอย่าพานพวกมารผจญ ต้องทนวิบาก รักกันแล้วจาก พรากกันเหมือนตาย หน่ายหนี เกลียดกลัวจนตาย ขอสาปมารร้ายชีวี พ้นไปเสียที ไม่มีกรรมเวร .
| Intro......... ..ชีวิตของคนย่อม วนหมุนเปลี่ยน มีแล้วจนวนเวียน เปลี่ยนไปตามกรรม เคยสร้างสม เปรียบ ราว ดังว่าว ที่ขาด ลม สิ้น ความ ชื่นชม หมดแรงแห่งลม ก็ล่วงหล่น ลง ..ชีวิตยามมีนี้ดังคล้ายว่าว ลอยเหิรลมกลางหาว เมื่อบางคราวเล่นลมเริงหลง ..แต่ ยาม กรรมเคราะห์มาเจาะ จง ลม พัด ขาดลง ว่าว เอ๋ย เจ้าคงต้องร่วง ดิน ..โชค ชะตาของคน ย่อมเวียนเปลี่ยนวน สับสน มิมีวันสิ้น แต่ ดวงดาวนี้ยังร่วงริน ความ สูญสิ้น ย่อมมีทุกตัวบุคคล ..ชีวิตคนเราที่เขลา พลั้งพลาด เป็นเพราะความประมาท อาจจะพาให้ต้องอับจน ขาด หลง ลืมนึกรู้สึก ตน จะ ต้อง อับ จน ไม่พ้นเป็นว่าวที่ขาดลมลอย ..โชค ชะตาของคน ย่อมเวียนเปลื่ยนวน สับสน มิมีวันสิ้น แต่ ดวงดาวนี้ยังร่วงริน ความ สูญสิ้น ย่อมมีทุกตัวบุคคล ..ชีวิตคนเราที่เขา พลั้งพลาด เป็นเพราะความประมาท อาจจะพาให้ต้องอับจน ขาด หลง ลืมนึกรู้สึก ตน จะ ต้อง อับ จน ไม่พ้นเป็นว่าวที่ขาดลมลอย... .
|
ทูลหัวหลอกพี่ ( F ) ชาญ เย็นแข F | ทางสายเปลี่ยว ( F ) ชาญ เย็นแข F |
Intro........... ..ทูล หัว ทูล เกล้า รัก พี่ อับ เฉา เจ้า จาก พี่ ไป นี่ หรือ ที่ ว่า ไม่ หลอก ใคร หลอก พี่ ใช่ ไหม ดวง ใจ พี่ สุด หมอง หม่น ..ทูล หัว ของพี่ รัก เจ้า มี แล้ว กี่ พัน หน พี่ เห็น แต่ ผี ที่ หลอก คน นี่ คน หลอก คน ใคร เล่า ไม่ หม่น หมอง ใจ ..ปาก น้อย ที่ เจ้า คอย แย้ม ราย พา ที จุ๋ม จิ๋ม เพียง นี้ แล้ว พี่ ไม่ เชื่อ ไฉน อ-นิจจา ไฉน ถึง เป็น ไป ได้ แท้ เจ้า มี ร้อย พัน ดวง ใจ แจก จ่าย ไม่ เว้น วัน ..ทูล หัว ลวง พี่ ระ บม เหลือ ดี ที่ สุด โศก ศัลย์ หาก แม้น เจ้า โดน เข้า สัก วัน เจ้า จะ โศก ศัลย์ ร้อย พัน เท่า ที่ พี่ ตรม (ดนตรี.....) ..ปาก น้อย ที่ เจ้า คอย แย้ม ราย พา ที จุ๋ม จิ๋ม เพียง นี้ แล้ว พี่ ไม่ เชื่อ ไฉน อ-นิจจา ไฉน ถึง เป็น ไป ได้ แท้ เจ้า มี ร้อย พัน ดวง ใจ แจก จ่าย ไม่ เว้น วัน ..ทูล หัว ลวง พี่ ระ บม เหลือ ดี ที่ สุด โศก ศัลย์ หาก แม้น เจ้า โดน เข้า สัก วัน เจ้า จะ โศก ศัลย์ ร้อย พัน เท่า ที่ พี่ ตรม... .
| Intro 3 Bars...3... .เดินไปตามทาง ที่ช่างแสนเปลี่ยว ลำพัง คนเดียว แลเหลียวมองไป ไร้ ผู้คน เสียงสายลมครางดั่ง ใครเพ้อบ่น ฟ้า เบื้องบน มืดมนต์ไร้ เดือนดาวส่องมา ดั่งคนเดนตายสิ้น ไปทุกอย่าง มุ่งเดิน ตามทาง ที่เห็นลางๆ ไกลสุดตา ไร้หวังอันใดอ่อน ใจเหลือกว่า หมอง ใจพา มืดมัวคิดกลัวเดินหลงทาง ครั้นเสียงระฆัง หง่างเหง่ง แว่ว วังเวง แสงทองส่องฟ้าสว่าง เหมือนพบทางธรรมชี้นำแนวทาง ไม่ อำพราง คอยมองเห็นทาง เป็นช่องไป ยอกรวันฑาสักการะมั่น มุ่งเดิน ทางอัน สุขสันต์ร่มเย็น เป็นสุขใจ ขอยึดจีวรห่ม ชีวิตใหม่ หนี ทุกข์ไป ห่างไกลพ้นมารตามผลาญ เอย Solo 7 Bars...7... ยอกรวันฑาสักการะมั่น มุ่งเดิน ทางอัน สุขสันต์ร่มเย็น เป็นสุขใจ ขอยึดจีวรห่ม ชีวิตใหม่ หนี ทุกข์ไป ห่างไกลพ้นมารตามผลาญ เอย .
|
ชายสามโบสถ์ ( F ) ชาญ เย็นแข F | คนจนคนจร ( B ) ชาญ เย็นแข B |
(ดนตรี......) ..คำคนประณาม ชายสามโบสถ์ทราม ชั่วช้าสามานย์ ประนามหญิงสามผัวผ่าน เป็นคนจันฑาลไม่ขอคบพา โธ่ เอ๋ย อนิจจา โกนหัวฝากตัวในศาสนา แต่คำเขาว่าปวดใจให้คิดทุกที มีมารผจนสุดแสนจะทน บวชแล้วจำลา จากเรือนเหมือนเสือหนีป่า มารเสาะตามมาจองล้างราวี บวชแล้วสึกทุกทีเป็นเสียอย่างนี้ แหละพี่น้องเอ๋ย ดังคำเขาเอ่ย บวชเสียผ้าเหลือง ข้าบวชมาแล้วโบสถ์หนึ่ง ซาบซึ้งได้แทนคุณแม่ ค่าน้ำนมแก แทนทดหมดเปลืองมารตามทวงหนี้ มีเรื่องต้องแหกผ้าเหลืองสึกมา มันฟ้องอุปัชฌาย์แค้นข้ากลัดหนอง คนมองข้าทรามเหยียดหยามหมดดี ต้องหนีหน้าไป เกือบเป็นเสือสางเสียใหญ่ ข้าต้องกลับใจไหว้พระคุ้มครอง บวชซ้ำใหม่ใคร่ปอง ใจหวังสร้างบุญในโบสถ์ที่สอง พึ่งธรรมะส่องที่สร้างบาปมา (Solo...) ..ข้าเป็นชายสองโบสถ์ หากโบสถ์สามนี้ยังไม่แน่ โลกหมุนปรวนแปรสุดแท้จะพา กลายเป็นชายชั่วดังว่า หวังศาสนากลับใจ แต่แล้วเหตุไฉนเขาไม่อุดหนุน จึงวอนไหว้วิง ชายหญิงที่ฟังด้วยน้ำตาคลอ โปรดจงสงสารขานต่อ แต่พอข้ามีบาปเคราะห์ก็บุญ ข้าหวังพึ่งพุทธคุณ เซแล้วอย่าซ้ำย่ำเหยียบจนซุน ร่มโพธิ์พระอุ่น ข้าขอบวชนาน...จนตาย.. .
| Intro........ ..เหมือนนกขมิ้น เหลืองอ่อนนั่นแล้ว ตัว เรา ความจนอับเฉา ต้องจรเร่ร่อน เรื่อย ไป สู้แดดลมฝนทนทรมานใจ ค่ำแล้วนอนไหนยังไม่เห็นทาง อ้างว้างเหมือนกา หลง รัง ..ถึงจนทนกิน และกัดก้อนเกลือ ลำเค็ญ ใครเล่าจะเห็น นึกเป็นโชคร้าย ประ ดัง แสนยากหากไร้ไม้ตอกคนชัง แอบอิงพิงหลังอุ่นเนื้อขวัญใจ ไม่นึกน้อยใน ตัว เรา ..คน จน คนจร หมอน มิ่น พลัดที่พลัดถิ่น อับ เฉา ใครๆดูแคลนหยามประนามเรา ทุกคนเกิดมาเพื่อใช้กรรมเก่า โอ้เขาเหยียดกัน ทำ ไม เหมือนนกขมิ้น เหลืองอ่อนนั่นแล้ว คิด ดู ไร้ญาติขาดชู้ ต้องจรเร่ร่อน เรื่อย ไป แม้นหากมีชู้คู่ อิง เอน ใจ ค่ำแล้วนอนไหนไม่นึกกังวล อิ่มชู้คู่กมล คน เดียว ..คน จน คน จร หมอน มิ่น พลัดที่พลัดถิ่น อับ เฉา ใครๆดูแคลนหยามประนามเรา ทุกคนเกิดมาเพื่อใช้กรรมเก่า โอ้เขาเหยียดกัน ทำ ไม เหมือนนกขมิ้น เหลืองอ่อนนั่นแล้ว คิด ดู ไร้ญาติขาดชู้ ต้องจรเร่ร่อน เรื่อย ไป แม้นหากมีชู้คู่ อิง เอน ใจ ค่ำแล้วนอนไหนไม่นึกกังวล อิ่มชู้คู่กมล คน เดียว... .
|
แม่ศรีเรือน ( Bb )
ชาญ เย็นแข
Bb
Intro..........
..แม่ ศรี เอย
แม่ ศรี เรือน
น้อง เป็น ทั้ง เพื่อน
และเมียที่รักบูชา
ยามผัวกลับจากงาน
คืนสู่บ้านเคหา
เหย้า เรือน งาม ตา
เหนื่อยมาหาย
คลายอาทร
แม่ ศรี เอย
แม่ ศรี นวล
น้อง ดี ครบ ถ้วน
สิ่งครวญผู้หญิงสังวรณ์
ปรนนิบัติผัวดี
โดยไม่มีแค่งอน
เรื่อง กิน หลับ นอน
ไม่เคยเดือดร้อน ใคร
..สม เป็น ยอด หญิง
มิ่งมิตรเมียดี
เทิอด ทูน เป็น ศรี
แห่งกัลยาณีได้
ร้อย ชู้หรือจะสู้
เมียรักร่วมใจ
แม่ ศรี ทรามวัย
พี่รักจิตใจ เธอ จริง
แม่ ศรี เอย
แม่ ศรี ใจ
สิน ทรัพย์ นับ ได้
เก็บออมเพื่อไว้ดียิ่ง
ยาม เมื่อยากอับจน
ทน ร่วมอยู่แอบอิง
ไม่ เคย ทอด ทิ้ง
กอดคอร่วมทุกข์กันไป
สม เป็น ยอด หญิง
มิ่งมิตรเมียดี
เทิอด ทูน เป็น ศรี
แห่งกัลยาณีได้
ร้อย ชู้หรือจะสู้
เมียรักร่วมใจ
แม่ ศรี ทรามวัย
พี่รักจิตใจ เธอ จริง
แม่ ศรี เอย
แม่ ศรี ใจ
สิน ทรัพย์ นับ ได้
เก็บออมเพื่อไว้ดียิ่ง
ยาม เมื่อยากอับจน
ทน ร่วมอยู่แอบอิง
ไม่ เคย ทอด ทิ้ง
กอดคอร่วมทุกข์กันไป....
.
No comments:
Post a Comment