ดาว มยุรี โดนฉก5แสน

เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 2 ก.ย. พ.ต.ท.อธิวัฒน์ อุปละ สวส. สภ.ต.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี รับแจ้งจากนายมนูญ พิมพาทอง อายุ 43 ปี ผู้จัดการบริษัท มาแฟค เคมีคอล จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 40-42 ปากทางเข้าหมู่บ้านเมืองเอก ซอยพหลโยธิน 87 หมู่ 2 ต.ประชาธิปัตย์ ว่ามีคนร้ายเข้ามาโจรกรรมทรัพย์สินไปหลายรายการ ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อม พ.ต.อ.วีระสันธ์ สมใจ ผกก. กำลังชุดสืบสวนและเจ้าหน้าที่วิทยาการ

ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์ 4 ชั้น เปิดเป็นบริษัทค่ายเทป (แซบสตาร์เรคคอร์ด) และขายน้ำยาเคมีทางการเกษตร ของนักร้องลูกทุ่งหญิงชื่อดัง น.ส.มยุรี พันธนาม อายุ 38 ปี หรือ “ดาว มยุรี” เจ้าของเพลงอัลบั้ม “รักหวานจากใจดาว” ซึ่งเป็นอัลบั้มล่าสุด ตรวจสอบพบคนร้ายใช้คีมตัดเหล็กดัดลูกกรงหน้าต่างชั้นลอยหลังตึก แล้วเข้ารื้อค้นบริเวณชั้น 2 มีร่องรอยการรื้อค้นทรัพย์สินกระจัดกระจายเต็มพื้น นอกจากนี้ยังมีตู้เซฟถูกงัดเสียหาย ทรัพย์สินในตู้เซฟหายไปเกลี้ยง นอกจากนี้ที่บริเวณชั้น 3 ห้องทำงานของเจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรการซึ่งมีโต๊ะทำงานอยู่ 4 โต๊ะ ถูกรื้อค้นเช่นกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจวิทยาการได้ตรวจเก็บรอยนิ้วมือแฝงของคนร้ายไว้เป็นหลักฐาน



ขณะที่ “ดาว มยุรี” ให้การว่า ขณะไปทำบุญเลี้ยงพระเพลที่วัดประยูรธรรมาราม ใกล้ที่เกิดเหตุและเจิมรถคันใหม่ ซึ่งหลวงพ่อได้ทักว่าดวงไม่ค่อยดี สักพักญาติโทรศัพท์มาบอกว่าบริษัทถูกงัด เลยรีบมาตรวจสอบ พบว่าทรัพย์สินหายไปหลายรายการ ส่วนใหญ่จะเป็นฮาร์ดดิสก์เก็บข้อมูลของบริษัทที่อยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ 7 ตัว ทองรูปพรรรณ พระเครื่อง แหวนเพชร โทรศัพท์มือถือและเงินสด 35,000 บาท รวมทรัพย์สินที่สูญหายไปประมาณ 5 แสนบาท

นักร้องสาวขวัญใจคอลูกทุ่งกล่าวอีกว่า สำหรับบริษัทนี้ตนเปิดเป็นสำนักงานค่ายเทป โดยใช้ชื่อว่า “เซตสตาร์” และร่วมกับนายมนูญ เปิดเป็นบริษัทจำหน่ายน้ำยาเคมีการเกษตรชื่อ บริษัทมาแฟค เคมีคอล จำกัด เพิ่งเปิดได้เพียง 1 เดือนเท่านั้น

ทางด้าน พ.ต.อ.วีระสันธ์ สมใจ กล่าวว่า ในเบื้องต้นสันนิษฐานว่า คนร้ายกลุ่มนี้น่าจะมีกันไม่ต่ำกว่า 2 คน และใช้ จยย.เป็นพาหนะ คาดว่าลงมือช่วงเวลาประมาณ 02.00 น. เพราะจากการสังเกตพบว่าทรัพย์สินที่คนร้ายเอาไปมีแต่ของที่สามารถพกพาไปได้ แต่ ทรัพย์สินใหญ่ อาทิ ทีวี วิทยุ ซีดี คนร้ายกลับไม่สนใจ ในเบื้องต้นได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนได้เร่งติดตามสืบสวนหาข้อมูล เพื่อติดตามจับกุมตัวคนร้ายกลุ่มนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ที่มา นสพ.ไทยรัฐ