ฮุค-โดน หมัดเด็ดเพลงลูกทุ่งยุคใหม่ |
โดย ผู้จัดการออนไลน์ | 7 กุมภาพันธ์ 2551 09:19 น. |
ห้ามเดินก้าวล้ำเส้นแฟน...ภาระในเขตอ้อมแขน ไม่ใช่แฟนทำแทนไม่ได้..." ท่อนหนึ่งของเพลง "ไม่ใช่แฟนทำแทนไม่ได้" ที่ขับร้องโดยนักร้องหญิง "ตั๊กแตน ชลดา" ดังลอดผ่านลำโพงออกมาให้หลายคนได้ฮัมตาม น อกจากกระแสความนิยมที่เกิดขึ้นกับเพลงนี้แล้ว "ไม่ใช่แฟนทำแทนไม่ได้" ยังฉายให้เห็นภาพที่เด่นชัดถึงการเปลี่ยนแปลงของเพลงลูกทุ่ง (ไทย) ที่เป็นไปตามวันและเวลา ... จากจุดเริ่มต้นด้วยความงามของท้องถิ่นชนบท ที่อธิบายให้เห็นได้อย่างชัดเจนในเพลง "มนต์รักลูกทุ่ง" ของ "ไพรวัลย์ ลูกเพชร" ผลงานการแต่งทั้งคำร้องและทำนองโดย "ไพบูลย์ บุตรขัน" ใช้เวลาที่ไม่นานมากนัก เหล่าคนหนุ่มคนสาวอย่างไอ้คล้าว กับ อีทองกวาว ก็พากันทิ้งเคียวเกี่ยวข้าว บอกลากลิ่นโคลนสาบควายเข้ามาแสวงหาอนาคตในเมืองหลวง แม้หลายคนถูกไอ้หนุ่มเมืองกรุงหลอก แม้หลายคนจะกลับไปตามเสียงเพลง "สมศรี 1992" ของ "ยิ่งยง ยอดบัวงาม" แต่ด้วยแสงสีอันยั่วยวนนั่นเองที่ทำให้สาวบ้านนา หนุ่มบ้านไร่อีกมากยินดีที่จะก้มหน้าก้มตาหาเงินในเมืองกรุง กระทั่งก่อให้เกิดยุคเพลงลูกทุ่ง(เนื้อหาเกี่ยวกับ) คาเฟ่เฟื่องฟู แต่ถึงแม้ตัวจะหลงอยู่ในมหานครใหญ่ ทว่าหลายครั้งหัวใจของพวกเขาก็กระหวัดให้นึกถึงชีวิตและคนที่อยู่กลางทุ่ง สวน นา ไร่ และโชคดีที่ความรู้สึกที่ว่านี้มีสื่ออย่างเจ้าโทรศัพท์ (มือถือ) ช่วยบรรเทา ฯลฯ เหล่านี้มิใช่นัยที่แสดงถึงเนื้อหาของเพลง (ที่ถูกเหมารวมว่าเป็น) ลูกทุ่งเท่านั้นที่เปลี่ยนแปลงไป หากแต่รูปแบบของสังคมที่แปลงเปลี่ยนยังทำให้สำนวนภาษาที่ใช้ วิธีคิดในการเขียนเพลงเปลี่ยนไปด้วย ... แรงบันดาลใจที่ผันแปร "ไม่รู้นะ ผมว่ามันโดนน่ะ แล้วอีกอย่างเลยคือต้องถามว่าคิดได้อย่างไรอ่ะ" เด็กวัยรุ่นคนหนึ่งพูดถึงเพลงไม่ใช่แฟนทำแทนไม่ได้ ซึ่งแม้เขาจะไม่รู้ว่าเพลงนี้เป็นเพลงของสาว "ตั๊กแตน ชลดา" แต่ด้วยความที่ฟังบ่อยๆ เขาจึงร้องท่อนฮุคของเพลงนี้ได้อย่างไม่มีติดขัด "ก็ชอบนะพี่ ฟังได้ ผมว่ามันเป็นลูกทุ่งที่ทันสมัยดี แต่ถ้าจะให้วัยรุ่นกลับมาฟังเลยเนี่ย มันคงเป็นไปได้ยากนะ แต่ว่าจะไม่ฟังเลยมั้ยก็ไม่ถึงขนาดนั้น อย่างเพลงของพวกเดวิด อีนธี ฝากแฟนผมด้วย หรือจะเป็นเพลงของ วิด ไฮเปอร์ พวกนี้ผมก็ว่ามันอะไรพวกนี้ผมก็ว่ามันกึ่งๆ ลูกทุ่งเหมือนกันนะ ก็ฟังได้" ท่อนหนึ่งของเพลง "เพลงสายลมเหนือ" ที่แต่งเนื้อโดย "ครูไสล ไกรเลิศ" ในปี พ.ศ.2494 เกิดขึ้นมาจากแรงบันดาลใจของครูที่มีต่อภรรยาที่ชื่อ "ละมัย" และนั่นเองที่ทำให้เพลงๆ นี้มีชื่อดังกล่าวฝังเข้าไปอย่างแนบยลในท่อนที่ว่า..."...ลมพัดมามณฑาเจ้าหอ มยังไม่สิ้น หอมเอยเพียงกลิ่น นวลเนื้อ ละมัย คนรักกันมาพลันห่างเหินเมินไปได้ ไม่เหลือเยื่อใยโอ้ใจเจ้าเอ๋ย..." | |||||
คุณวุฒิ" นั้น ใครจะรู้บ้างว่าจุดเริ่มต้นของมันนั้นเป็นเพียงเพลงๆ หนึ่งที่ถูกเติมเข้าไปเพื่อให้อัลบั้มของนักร้องสาวตั๊กแตนเต็มเท่านั้น "ก็เกินคาดยอมรับว่า เป็นเพลงที่ลงตัวอีกเพลงหนึ่งตั้งแต่ที่ทำงานมา คือ ยอมรับว่าพูดตอนที่สำเร็จแล้วมันเหมือนโม้เหมือนกันคือตอนที่ทำไม่คิดว่ามัน จะโดนขนาดนี้ เพราะว่าเป็นเพลงเติมจริงๆ" "ยังจำได้วั้นนั้นว่าให้อาจารย์บอยเป็นคนทำดนตรี ไม่ให้กลับบ้านเลย นอนรอที่ห้องอัด แล้วผมก็ทำหน้าที่เขียน เขียนกันหน้าห้องอัดพอเขียนเนื้อเสร็จก็มาใส่ดนตรีด้วยกัน อาจารย์เขาก็เลยช่วยในเรื่องของเมโลดี้บ้าง แต่งทำนองร่วมกัน คือช่วยกันแต่ง แต่เผอิญเป็นเพลงที่ลงตัวได้รวดเร็วเพลงหนึ่งเท่าที่ทำงานมานะ" "มันไม่น่าจะเกินประมาณชั่วโมงครึ่งนะ คือ เพลงบางทีท่ามันได้มันจะเร็วมากครับเวลามันลงตัวมันจะเร็วมาก" ครูเพลงชื่อดังในยุคปัจจุบันเผยว่าปกติการแต่งเพลงของตนจะเน้นที่แรงบันดาลใ จที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน สดๆ แล้วก็จะเขียนทันที แต่สำหรับเพลงนี้เจ้าตัวบอกว่าเป็นเรื่องบันดาลใจที่ต่อเนื่องก็คงจะไม่ผิดม ากนัก โดยวิธีการเขียนก็นำเอาการเขียนเรื่องสั้นที่ตนเองเรียนอยู่มาใช้ "ปกติแล้วส่วนใหญ่จะได้แรงบันดาลใจสดๆ ออกมาแล้วก็เขียน เพลงนี้เหมือนว่าพฤติกรรมในตัวเพลงสะสมแต่ว่าตอนที่เขียน เหมือนเราคิดเรื่องสั้นเรื่องหนึ่ง คือเขียนเพลงนี้ต่อเนื่องจากสมมติว่าตัวละครขึ้นมาชุดที่แล้วซึ่งเขียนให้น้ องตั๊กแตนไป แต่ตอนนั้นเขียนเพลงเคียงข้างไม่ห่างตา พูดถึงผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งแอบรัก แต่ว่าไม่มีสิทธิ์เข้าใกล้คนที่เราแอบรักได้เลย เพลงนี้ขึ้นต้นว่ายามถ่ายภาพหมู่ใกล้ชิดอยู่เคียงข้าง..." "ทีนี้พอมาเขียนชุดนี้ก็เลยเอาตัวละครตัวเดียวกันต่อจากเรื่องนั้นล่ะ สมมติว่า เป็นผู้หญิงที่อยู่ในออฟฟิศเดียวกันแอบรักผู้ชายคนหนึ่งแต่ว่าไม่มีสิทธิ์แล ้วล่ะ เพราะเขามีคู่หมาย เพียงแต่ว่าเขาคนนั้นก็มักจะแวะเวียนมาหาเราในยามที่เขาเหงา เขาน้อยใจกัน เขาทะเลาะกันก็แวะมาเรา บางทีก็เหมือนอยากให้เราเทกแคร์ บางทีเมาๆ มึนๆ หน่อยก็ทำท่าจะล่วงเกินเราด้วยซ้ำ บางครั้งก็เลยจำเป็นต้องพูดคำนี้ออกมาว่า ไม่ใช่แฟนทำแทนไม่ได้ อันนี้เป็นวิธีคิด" | |||||
บุคลิกของนักร้องแต่ละคนเป็นสิ่งที่ทำให้เราแต่งเพลงแต่ละเพลงรึเปล่า? "ถ้าเป็นเรื่องเดียวกันพล็อตเรื่องเดียวกันถ้าแต่งให้ต่าย (อรทัย) ก็คงไม่ใช่ คงไม่ใช้ถ้อยคำแบบนี้อาจจะนุ่มนวลแล้วก็บ้านๆ กว่ากระแตเนี่ยด้วยเสียงและบุคลิกเพลงที่เราวางตั้งแต่ต้นเป็นสาวออฟฟิศประม าณผู้แทนสาวออฟฟิศ แต่สู้เหมือนกันเล่นอยู่หน้าคอมได้ก็เลยอาสา ซึ่งจะต่างจากต่ายเป็นบ้านๆ ซื่อๆ บุคลิกเขาด้วยตามตัวนักร้อง กระแตเขาเป็นคนตรงไปตรงมาเขาเป็นคนตรงๆ ถึงลูกถึงคน" อ ีกหนึ่งเพลงลูกทุ่งที่ฮิตระเบิดในตอนนี้ นอกจาก ไม่ใช่แฟนทำแทนไม่ได้แล้ว ก็คงจะหนีไม่พ้นเพลงอย่าง "ขอนไม้กับเรือ" ของ "บ่าววี" ที่เขียนเนื้อร้องขึ้นมาโดย "เชิงศร นครเจริญ" นั่นเอง "แรงบันดาลใจ ก็คือ ก็เห็นภาพนะครับก็คิดขึ้นมาเอง เราเลยคิดสัญลักษณ์อะไรซักอย่างที่คนสองคน หนึ่งคนที่ต่ำต้อย กับคนที่มีอนาคตมากกว่า แล้วก็ลองมาเราเห็นขอนไม้ที่พยุงได้ มันจะจมเมื่อไหร่ก็ไม่มีใครรู้ พอเรือมันแล่นผ่านไป ขอนไม้มันก็กระเพื่อมๆ จะจมมิจมแหล่ เราก็เอาคอนเซ็ปต์ตรงนี้มาวางโครงแล้วก็แต่งเพลงนี้ขึ้นมา" "พล็อตเรื่องนี้ผมคิดและเก็บไว้ตั้งนานแล้ว เวลาอ่านหนังสือเจอ หรือคุยกับคน ผมก็จะมีบันทึกส่วนตัวของผมไว้ พออยากจะเขียนเรื่องนี้ก็หยิบเรื่องนี้ขึ้นมา คำว่าขอนไม้กับเรือผมคิดไว้ตั้งหลายปีแล้ว มีไม่ต่ำกว่า 5 ปี คือ จริงๆ ด้วยความเข้ม ตัวเนื้อเสียงของบ่าววีเขาเหมาะกับการที่เขาจะพูดเรื่องอะไรพวกนี้อยู่แล้ว ออกจะปรัชญานิดๆ ด้วยซ้ำ" จากสะบัดสำนวนที่ต้องมีสระ วรรณยุกต์ สอดคล้อยร้อยสัมผัสในอดีต เป็นที่น่าสังเกตว่าลุกทุ่งยุคใหม่ มักจะใช้แนวทางของการเขียนเพลงป็อปของวัยรุ่นในรูปแบบท่อนฮุคและบวกกับประโย คที่โดนใจมากยิ่งขึ้น |
|
สมัครรับข่าวอัพเดตบทความจาก ชมรมคนรักเพลงลูกทุ่ง ทาง E-Mail
เมื่อสมัครแล้วจะมี verify e-mail ไปแจ้งให้คลิกเพื่อยืนยันอีกครั้งหนึ่ง
แล้วท่านจะได้รับข่าวอัพเดทใหม่ๆทาง e-mail ทุกครั้งพร้อมกับเวบนี้
No comments:
Post a Comment