++++

คลิกที่ + - เพื่อเพิ่ม ลดความเร็วในการดูภาพ

===== Photo album =====
  1. รูปถ่ายของ แมงปอ ชลธิชา มาเยือนเวทีไท 18 สค.2550
  2. รูปถ่ายของ น้องเบนซ์ จูเนียร์ บนเวทีไท 18 สค.2550
  3. รูปถ่ายของไผ่ พงศธร มาออกรายการ 07 show 12 สค 50
  4. รูปถ่ายของ ก็อท จักรพันธ์, แพรวา พัชรี, ไผ่ พงศธร, รัชนก ศรีโลพันธ์, ดอกอ้อ ทุ่งทอง บนเวทีไท 11 สค.50
  5. รูปถ่ายพี่นาง ศิริพร อำไพพงษ์ บนเวที 7 สีคอนเสิร์ต 11 สค.2550
  6. รูปถ่ายไหมไทย ใจตะวัน บนเวที 7 สีคอนเสิร์ต 11 สค.2550
  7. ภาพบรรยากาศ งานมหกรรมคอนเสิรต์ "ด้วยรักแด่ครูสลา" 11 มี.ค.50

ค้นหาทุกอย่างในเวบนี้


สถิติผู้เข้าชม คน
Stats (เริ่มนับ 23 ส.ค.2550-10.00 น.)

  1. Clip Video คอนเสิร์ต เสียงอิสาน ณ เวทีไทย ตอนที่ 1 วันที่ 15 ก.ย.2550
  2. clip video ไผ่ พงศธร , พี สะเดิด, แพรวา พัชรี ,ตั๊กแตน ชลดา มาออกรายการจันทร์พันดาว 10 ก.ย.2550
  3. MV 6 เพลงสุดม่วนของ หมอลำคู่เอก ปฤษณา วงศ์ศิริ & บานเย็น รากแก่น
  4. MV รวม 7 คลิปวิดีโอการแสดงสดของ ไหมไทย ใจตะวัน (สมัยอยู่เสียงอีสาน)
  5. MV ศิริพร อำไพพงษ์ โบว์รักสีดำ |

Saturday, March 1, 2008

ฮุค-โดน หมัดเด็ดเพลงลูกทุ่งยุคใหม่








ฮุค-โดน หมัดเด็ดเพลงลูกทุ่งยุคใหม่


















โดย ผู้จัดการออนไลน์

7 กุมภาพันธ์ 2551 09:19 น.
































border="0" />





"คนที่ไม่ใช่แฟน ทำแทนทุกเรื่องไม่ได้ หน้าที่ตามฐานะใจ
ห้ามเดินก้าวล้ำเส้นแฟน...ภาระในเขตอ้อมแขน ไม่ใช่แฟนทำแทนไม่ได้..."





ท่อนหนึ่งของเพลง "ไม่ใช่แฟนทำแทนไม่ได้" ที่ขับร้องโดยนักร้องหญิง "ตั๊กแตน ชลดา"
ดังลอดผ่านลำโพงออกมาให้หลายคนได้ฮัมตาม




น อกจากกระแสความนิยมที่เกิดขึ้นกับเพลงนี้แล้ว "ไม่ใช่แฟนทำแทนไม่ได้"
ยังฉายให้เห็นภาพที่เด่นชัดถึงการเปลี่ยนแปลงของเพลงลูกทุ่ง (ไทย) ที่เป็นไปตามวันและเวลา



...


จากจุดเริ่มต้นด้วยความงามของท้องถิ่นชนบท ที่อธิบายให้เห็นได้อย่างชัดเจนในเพลง "มนต์รักลูกทุ่ง" ของ
"ไพรวัลย์ ลูกเพชร" ผลงานการแต่งทั้งคำร้องและทำนองโดย "ไพบูลย์ บุตรขัน"
ใช้เวลาที่ไม่นานมากนัก เหล่าคนหนุ่มคนสาวอย่างไอ้คล้าว กับ อีทองกวาว ก็พากันทิ้งเคียวเกี่ยวข้าว
บอกลากลิ่นโคลนสาบควายเข้ามาแสวงหาอนาคตในเมืองหลวง




แม้หลายคนถูกไอ้หนุ่มเมืองกรุงหลอก แม้หลายคนจะกลับไปตามเสียงเพลง "สมศรี 1992" ของ "ยิ่งยง
ยอดบัวงาม" แต่ด้วยแสงสีอันยั่วยวนนั่นเองที่ทำให้สาวบ้านนา
หนุ่มบ้านไร่อีกมากยินดีที่จะก้มหน้าก้มตาหาเงินในเมืองกรุง กระทั่งก่อให้เกิดยุคเพลงลูกทุ่ง(เนื้อหาเกี่ยวกับ)
คาเฟ่เฟื่องฟู




แต่ถึงแม้ตัวจะหลงอยู่ในมหานครใหญ่ ทว่าหลายครั้งหัวใจของพวกเขาก็กระหวัดให้นึกถึงชีวิตและคนที่อยู่กลางทุ่ง สวน นา
ไร่ และโชคดีที่ความรู้สึกที่ว่านี้มีสื่ออย่างเจ้าโทรศัพท์ (มือถือ) ช่วยบรรเทา ฯลฯ




เหล่านี้มิใช่นัยที่แสดงถึงเนื้อหาของเพลง (ที่ถูกเหมารวมว่าเป็น) ลูกทุ่งเท่านั้นที่เปลี่ยนแปลงไป
หากแต่รูปแบบของสังคมที่แปลงเปลี่ยนยังทำให้สำนวนภาษาที่ใช้ วิธีคิดในการเขียนเพลงเปลี่ยนไปด้วย


...


แรงบันดาลใจที่ผันแปร


"ไม่รู้นะ ผมว่ามันโดนน่ะ แล้วอีกอย่างเลยคือต้องถามว่าคิดได้อย่างไรอ่ะ"
เด็กวัยรุ่นคนหนึ่งพูดถึงเพลงไม่ใช่แฟนทำแทนไม่ได้ ซึ่งแม้เขาจะไม่รู้ว่าเพลงนี้เป็นเพลงของสาว "ตั๊กแตน
ชลดา" แต่ด้วยความที่ฟังบ่อยๆ เขาจึงร้องท่อนฮุคของเพลงนี้ได้อย่างไม่มีติดขัด




"ก็ชอบนะพี่ ฟังได้ ผมว่ามันเป็นลูกทุ่งที่ทันสมัยดี แต่ถ้าจะให้วัยรุ่นกลับมาฟังเลยเนี่ย มันคงเป็นไปได้ยากนะ
แต่ว่าจะไม่ฟังเลยมั้ยก็ไม่ถึงขนาดนั้น อย่างเพลงของพวกเดวิด อีนธี ฝากแฟนผมด้วย หรือจะเป็นเพลงของ วิด ไฮเปอร์
พวกนี้ผมก็ว่ามันอะไรพวกนี้ผมก็ว่ามันกึ่งๆ ลูกทุ่งเหมือนกันนะ ก็ฟังได้"




ท่อนหนึ่งของเพลง "เพลงสายลมเหนือ" ที่แต่งเนื้อโดย "ครูไสล ไกรเลิศ" ในปี พ.ศ.2494
เกิดขึ้นมาจากแรงบันดาลใจของครูที่มีต่อภรรยาที่ชื่อ "ละมัย" และนั่นเองที่ทำให้เพลงๆ
นี้มีชื่อดังกล่าวฝังเข้าไปอย่างแนบยลในท่อนที่ว่า..."...ลมพัดมามณฑาเจ้าหอ มยังไม่สิ้น หอมเอยเพียงกลิ่น
นวลเนื้อ ละมัย คนรักกันมาพลันห่างเหินเมินไปได้ ไม่เหลือเยื่อใยโอ้ใจเจ้าเอ๋ย..."




























border="0" />

"ตั๊กแตน"



ทว่าเพลงสุดฮิตในปี พ.ศ.2550-2551 อย่าง "ไม่ใช่แฟนทำแทนไม่ได้" ของ "ครูสลา
คุณวุฒิ"
นั้น ใครจะรู้บ้างว่าจุดเริ่มต้นของมันนั้นเป็นเพียงเพลงๆ
หนึ่งที่ถูกเติมเข้าไปเพื่อให้อัลบั้มของนักร้องสาวตั๊กแตนเต็มเท่านั้น




"ก็เกินคาดยอมรับว่า เป็นเพลงที่ลงตัวอีกเพลงหนึ่งตั้งแต่ที่ทำงานมา คือ
ยอมรับว่าพูดตอนที่สำเร็จแล้วมันเหมือนโม้เหมือนกันคือตอนที่ทำไม่คิดว่ามัน จะโดนขนาดนี้
เพราะว่าเป็นเพลงเติมจริงๆ"




"ยังจำได้วั้นนั้นว่าให้อาจารย์บอยเป็นคนทำดนตรี ไม่ให้กลับบ้านเลย นอนรอที่ห้องอัด แล้วผมก็ทำหน้าที่เขียน
เขียนกันหน้าห้องอัดพอเขียนเนื้อเสร็จก็มาใส่ดนตรีด้วยกัน อาจารย์เขาก็เลยช่วยในเรื่องของเมโลดี้บ้าง
แต่งทำนองร่วมกัน คือช่วยกันแต่ง แต่เผอิญเป็นเพลงที่ลงตัวได้รวดเร็วเพลงหนึ่งเท่าที่ทำงานมานะ"




"มันไม่น่าจะเกินประมาณชั่วโมงครึ่งนะ คือ เพลงบางทีท่ามันได้มันจะเร็วมากครับเวลามันลงตัวมันจะเร็วมาก"




ครูเพลงชื่อดังในยุคปัจจุบันเผยว่าปกติการแต่งเพลงของตนจะเน้นที่แรงบันดาลใ จที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน สดๆ
แล้วก็จะเขียนทันที แต่สำหรับเพลงนี้เจ้าตัวบอกว่าเป็นเรื่องบันดาลใจที่ต่อเนื่องก็คงจะไม่ผิดม ากนัก
โดยวิธีการเขียนก็นำเอาการเขียนเรื่องสั้นที่ตนเองเรียนอยู่มาใช้




"ปกติแล้วส่วนใหญ่จะได้แรงบันดาลใจสดๆ ออกมาแล้วก็เขียน
เพลงนี้เหมือนว่าพฤติกรรมในตัวเพลงสะสมแต่ว่าตอนที่เขียน เหมือนเราคิดเรื่องสั้นเรื่องหนึ่ง
คือเขียนเพลงนี้ต่อเนื่องจากสมมติว่าตัวละครขึ้นมาชุดที่แล้วซึ่งเขียนให้น้ องตั๊กแตนไป
แต่ตอนนั้นเขียนเพลงเคียงข้างไม่ห่างตา พูดถึงผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งแอบรัก
แต่ว่าไม่มีสิทธิ์เข้าใกล้คนที่เราแอบรักได้เลย เพลงนี้ขึ้นต้นว่ายามถ่ายภาพหมู่ใกล้ชิดอยู่เคียงข้าง..."




"ทีนี้พอมาเขียนชุดนี้ก็เลยเอาตัวละครตัวเดียวกันต่อจากเรื่องนั้นล่ะ สมมติว่า
เป็นผู้หญิงที่อยู่ในออฟฟิศเดียวกันแอบรักผู้ชายคนหนึ่งแต่ว่าไม่มีสิทธิ์แล ้วล่ะ เพราะเขามีคู่หมาย
เพียงแต่ว่าเขาคนนั้นก็มักจะแวะเวียนมาหาเราในยามที่เขาเหงา เขาน้อยใจกัน เขาทะเลาะกันก็แวะมาเรา
บางทีก็เหมือนอยากให้เราเทกแคร์ บางทีเมาๆ มึนๆ หน่อยก็ทำท่าจะล่วงเกินเราด้วยซ้ำ
บางครั้งก็เลยจำเป็นต้องพูดคำนี้ออกมาว่า ไม่ใช่แฟนทำแทนไม่ได้ อันนี้เป็นวิธีคิด"




























border="0" />

"สลา คุณวุฒิ" นักแต่งเพลงชื่อดังแห่งยุค



"พอดีก่อนเขียนเพลงพี่เคยฝึกเขียนเรื่องสั้นมาก่อนก็เลยเอาวิธีการมาลองดู"




บุคลิกของนักร้องแต่ละคนเป็นสิ่งที่ทำให้เราแต่งเพลงแต่ละเพลงรึเปล่า?


"ถ้าเป็นเรื่องเดียวกันพล็อตเรื่องเดียวกันถ้าแต่งให้ต่าย (อรทัย) ก็คงไม่ใช่
คงไม่ใช้ถ้อยคำแบบนี้อาจจะนุ่มนวลแล้วก็บ้านๆ
กว่ากระแตเนี่ยด้วยเสียงและบุคลิกเพลงที่เราวางตั้งแต่ต้นเป็นสาวออฟฟิศประม าณผู้แทนสาวออฟฟิศ
แต่สู้เหมือนกันเล่นอยู่หน้าคอมได้ก็เลยอาสา ซึ่งจะต่างจากต่ายเป็นบ้านๆ ซื่อๆ บุคลิกเขาด้วยตามตัวนักร้อง
กระแตเขาเป็นคนตรงไปตรงมาเขาเป็นคนตรงๆ ถึงลูกถึงคน"




อ ีกหนึ่งเพลงลูกทุ่งที่ฮิตระเบิดในตอนนี้ นอกจาก ไม่ใช่แฟนทำแทนไม่ได้แล้ว ก็คงจะหนีไม่พ้นเพลงอย่าง
"ขอนไม้กับเรือ" ของ "บ่าววี" ที่เขียนเนื้อร้องขึ้นมาโดย "เชิงศร นครเจริญ"
นั่นเอง



"แรงบันดาลใจ ก็คือ ก็เห็นภาพนะครับก็คิดขึ้นมาเอง เราเลยคิดสัญลักษณ์อะไรซักอย่างที่คนสองคน
หนึ่งคนที่ต่ำต้อย กับคนที่มีอนาคตมากกว่า แล้วก็ลองมาเราเห็นขอนไม้ที่พยุงได้ มันจะจมเมื่อไหร่ก็ไม่มีใครรู้
พอเรือมันแล่นผ่านไป ขอนไม้มันก็กระเพื่อมๆ จะจมมิจมแหล่
เราก็เอาคอนเซ็ปต์ตรงนี้มาวางโครงแล้วก็แต่งเพลงนี้ขึ้นมา"




"พล็อตเรื่องนี้ผมคิดและเก็บไว้ตั้งนานแล้ว เวลาอ่านหนังสือเจอ หรือคุยกับคน ผมก็จะมีบันทึกส่วนตัวของผมไว้
พออยากจะเขียนเรื่องนี้ก็หยิบเรื่องนี้ขึ้นมา คำว่าขอนไม้กับเรือผมคิดไว้ตั้งหลายปีแล้ว มีไม่ต่ำกว่า 5 ปี คือ
จริงๆ ด้วยความเข้ม ตัวเนื้อเสียงของบ่าววีเขาเหมาะกับการที่เขาจะพูดเรื่องอะไรพวกนี้อยู่แล้ว ออกจะปรัชญานิดๆ
ด้วยซ้ำ"




จากสะบัดสำนวนที่ต้องมีสระ วรรณยุกต์ สอดคล้อยร้อยสัมผัสในอดีต เป็นที่น่าสังเกตว่าลุกทุ่งยุคใหม่
มักจะใช้แนวทางของการเขียนเพลงป็อปของวัยรุ่นในรูปแบบท่อนฮุคและบวกกับประโย คที่โดนใจมากยิ่งขึ้น






























"http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9510000015528&Page=1"> src="http://www.manager.co.th/images/arrow_L.gif" width="10" border="0" />

"http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9510000015528&Page=1"> src="http://www.manager.co.th/images/b_l.gif" width="7" border="0" />

"http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9510000015528&Page=1">หน้าที่แล้ว

"http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9510000015528&Page=1"> src="http://www.manager.co.th/images/b_r.gif" width="8" border="0" />




"http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9510000015528&Page=1">1 |
2











































"250" border="0" />

"บ่าววี"





"จริงๆ โดยธรรมชาติของผมเองเนี่ย ผมเขียนเพลงป๊อปมาค่อนข้างเยอะ
แล้วก็เพลงที่แต่งมาเราก็ไม่ได้จงใจอะไร แต่อยากลองของใหม่ๆ เอาวิธีเขียนใหม่ๆ มาใช้ คือ
ถ้าเพลงนี้ถ้าเอาส่วนที่เป็นภาคใต้ออก มันก็คือเพลงป๊อปธรรมดาเพลงหนึ่ง คือ จริงๆ
ผมเนี่ยแต่งเพลงป๊อปมาตลอดเลย แล้วมาเริ่มไลน์ลูกทุ่งเพื่อชีวิตนิดๆ ก็เพลงนี้แหละ"


...


ลูกทุ่งยุคใหม่เพื่อวัยรุ่น?


แม้จะมีความโน้มเอียงมาสู่ความป็นลูกทุ่งที่ทันสมัยมากขึ้น ทว่าครูเพลงอย่าง "สลา คุณวุฒิ"
ก็บอกว่า คงเป็นเรื่องยากหากเพลงลูกทุ่งจะหันมาจับกลุ่มตลาดวัยรุ่นมากขึ้น


"เนื้อหาจะอิงสตริงมากขึ้นมั้ย? ก็เป็นไปได้แต่คงไม่ได้หมดก็จะวนเวียนกัน คือเพลงมันเป็นของรสนิยม
การแต่งเพลงการแต่งกายมันจะคล้ายๆ กัน มันจะไม่ไปสุด สักพักมันก็จะกลับมา
อย่างปีที่แล้วก็มีคนถามลักษณะอย่างนี้ว่าตอนนั้นหนาวแสงนีออนดังใช่ไหมครับ "




"คนก็บอกว่ายุคนี้ลูกทุ่งต้องเป็นแบบนี้ แล้วสักพักหนึ่งก็มีเพลงของครูไวพจน์กับทศพลโผล่มา
วันละกั๊กวันละแบน ซึ่งเป็นไทยแท้เลย ก็เป็นซะอย่างนั้น สักพักหนึ่งก็เป็นบ้านๆ
แบบอีสานโผล่มาสักพักหนึ่งก็มีขอนไม้กับเรือ
ก็เลยคิดว่าเรื่องของรสนิยมมันไม่มีอะไรตายตัวหรอกมันคงจะเคลื่อนไปแล้วก็อา จจะวกกลับมาที่เดิม"




"ขาสั้น ขายาว ขาบาน ขาเดฟ คงจะเป็นลักษณะคล้ายๆ กัน แต่ยอมรับว่าโดยคำพูด
ภาษาและลีลาต้องขยับไปตามพื้นฐานของบุคคลซึ่งมีการศึกษาสูงขึ้น
ต้องยอมรับว่าแฟนเพลงก็เคลื่อนตัวตลอดก็เขามีการศึกษามากขึ้นตรงนี้อาจจะมีผ
ลส่งต่อบุคลิคของเพลงต่อไป"




ด้าน "เชิงศร" ให้ทัศนะเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า...


"คือ เพลงลูกทุ่งเปลี่ยนไปทุกอย่างนะ ทุกแง่มุมเลยด้วย ทั้งในตัวคนร้อง ดนตรี เนื้อหา
รวมไปถึงคนฟังด้วย ผมว่าคนฟังก็ปรับตัวตามเพลงสมัยใหม่ได้มากขึ้น
เพราะอย่างว่าเมื่อก่อนลุกทุ่งก็จะท้องทุ่งจริงๆ เดี๋ยวนี้บ้านเมืองเราโอกาสในท้องทุ่งมันน้อยลงทุกวันๆ
บางที่เราเป็นท้องทุ่งอยู่แต่บางที่ก็กลายเป็นบ้าน เนื้อเรื่องเรื่องราวก็ทันสมัย เปลี่ยนไปตามเวลา
เพลงก็เป็นแฟชั่นอย่างหนึ่ง"


...


การเปลี่ยนแปลง เรื่องธรรมดา


ขณะที่ในทัศนคติของคอลัมนิสต์ที่คลุกคลีอยู่กับเพลงลูกทุ่งมานาน "แคน สาริกา"
มองถึงปรากฏการณ์ที่เลื่อนไหลของเพลงลูกทุ่งที่ยากจะหาจุดคาดเดาได้ว่า
มาจากการที่พรมแดนเส้นแบ่งระหว่างลูกทุ่ง สตริง เพื่อชีวิต หรือแม้กระทั่งหมอลำนั้นมันค่อยๆ หายไปทีละนิดๆ
นั่นเอง




"พรมแดนของเพลงมันไม่แบ่งชัดเหมือนแต่ก่อน ลูกทุ่งกับสตริง เพื่อชีวิตกับลูกทุ่ง
เพลงสตริงกับเพื่อชีวิต มันไม่มีพรมแดน หมายถึงคนฟังมันไม่มีพรมแดนแล้ว
โดยเฉพาะเพื่อชีวิตกับลูกทุ่งมันใกล้เคียงกันมานาน ฉะนั้น พอไม่มีพรมแดน
ถ้าเพลงไหนมันโดนใจขึ้นมามันก็กินตลาดมากกว่า"























"250" border="0" />





"อย่างเพลงไม่ใช่แฟนทำแทนไมได้ที่ฐานคนฟังเยอะ เพราะว่ามันเป็นเพลงที่คาบเกี่ยวกับเพลงสตริงไง
ถ้าเฉพาะลูกทุ่งมันก็อยู่ในเฉพาะลูกทุ่ง มันไม่ข้ามพรมแดนเข้ามา ซึ่งจริงๆ
แล้วความสามารถการแต่งเพลงมันไม่มีสูตรไหนบอกได้ว่าแต่งเพลงนี้แล้วดังหรอก"




"ทุกอย่างขึ้นอยู่กับคนฟังหมด คนฟังเป็นคนตัดสิน
ไม่มีนักแต่งเพลงคนไหนหรอกที่เขียนเพลงนี้แล้วรู้ว่าจะดัง สมัยนี้ก็เหมือนกัน
อย่างเพลงไม่ใช่แฟนทำแทนไม่ได้ผมเชื่อว่าทางทีมงานที่ทำเขาก็ไม่รู้หรอกว่าท ำแล้วจะดัง"




เป็นความสำเร็จที่ไม่สามารถนำมาเป็นหลักสูตรได้?


"ใช่ แล้วแต่ ยืนยันได้ไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัวแล้วแต่คนฟัง คือ มีคนอย่างนี้เยอะ
เอาเพลงสตริงมาทำแบบนี้น่ะแต่ไม่ใช่ประสบความสำเร็จทุกคนนะ แป้กไปเยอะ ถามว่ายุคนี้คนเพลงในแกรมมี่
อาร์เอสเนี่ยแน่นอนการแต่งเพลงยุคนี้ต่างจากการแต่งเพลงในยุคเก่าแน่นอน เทคนิคสไตล์ตลาดมากขึ้น
แล้วบางทีไมได้ตั้งใจน่ะมันก็มาเฉยๆ น่ะ การแต่งเพลงแนวนี้มีมานานแล้ว จริงๆ แล้วก่อนหน้านี้ก็มีคนทำมาเยอะ
ดี้ นิติพล ห่อนาค ก็ยังเคยทำเลย เขียนแนวสตริงลูกทุ่ง แต่ไม่เกิด"




อ ย่างไรก็ตาม หากลองย้อนกลับไปถึงที่มาของบ่อเกิดแห่งคำจำกัดความคำว่า "เพลงลูกทุ่ง"
ในอดีตจากการบอกเล่าของ "ครูสุรพล โทณะวณิก"
มันคงจะไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใดที่เราจะเป็นการเปลี่ยนแปลงไปของบริบท
และเนื้อหาในบทเพลงเหล่านี้





























"300" border="0" />

มิวสิควิดีโอเพลง "ไม่ใช่แฟน ทำแทนไม่ได้" ที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก



"สมัยก่อนนี้คำว่าลูกทุ่งลูกกรุงไม่มีหรอก ลูกทุ่งส่วนมากจะเป็นทำนองไทยๆ และมีลูกเอื้อน
ลุกกรุงก็ไม่มี และเขาเอาชื่อ "ลูกทุ่ง" นี้มาจากชื่อหนังนะ
สมัยก่อนที่เป็นหนังไทยขาวดำเสียงในฟิล์มชื่อเรื่อง "ลูกทุ่ง" และคุณจำนงค์ รังสิกุลจัดรายการ
เลยแบ่งแยกว่าคนที่ร้องเพลงแบบว่าชาวบ้านเนี่ยนะก็เป็นลูกทุ่ง คนที่ร้องเพลงเพราะๆ ก็เป็นลูกกรุง
แบ่งด้วยการที่ใครที่ร้องเอื้อนๆ เป็นไทยๆ หน่อยใครที่ร้องแบบทำนองเรียบๆ ธรรมดาก็เป็นลูกกรุง
มันอยู่ที่การเอื้อนลูกคอ"




"เนื้อหาก็แตกต่างกันของลูกทุ่งจะเกี่ยวกับพวกลูกทุ่งจริงๆ สำนวนชาวนาชาวไร่
เรื่องมันจะเป็นในลักษณะที่คนฟังจะแบ่งระดับได้น่ะ
จะฟังออกว่าเนี่ยมันเหตุการณ์ลูกทุ่งนะเป็นเรื่องราวของคนชนบท เพลงลูกกรุง อย่างเพลง รักคุณเข้าแล้ว"




การเลือกใช้ภาษาเป็นอย่างไรจากอดีตสู่ปัจจุบัน?


"ลูกทุ่งส่วนมากแล้วผมไม่ได้ว่าเขานะ คนอื่นเขาว่านะ ผมพูดตามเขานะ คือ
สมัยก่อนมักจะใช้ร้อยเนื้อทำนองเดียว เนื้อร้องจะเปลี่ยนไปแต่ทำนองจะเหมือนๆ กันหมดน่ะ
ทีนี้คนที่เขาพยายามแต่งแล้วไม่ให้เหมือนก็มีนะ ส่วนมากคนเหล่านี้จะเป็นคนดังเช่น ลพ บุรีรัตน์
เวลาเขาแต่งเขาจะพยายามเปลี่ยนแปลงเปลี่ยนทำนอง"




"หรืออย่างยุคปัจจุบันนี้ผมเองนับถือฝีมือมากเลย ครูสลา คุณวุฒิ น่ะ
เขาเขียนทำนองไม่ซ้ำของเก่าและเนื้อหา ลีลาก็ไม่เหมือนเดิม ละเอียดละออ เป็นเรื่องเป็นราว
มันแลเห็นภาพน่ะ"




"เพลงสมัยเก่าของเพลงลูกกรุงน่ะมักจะคล้องจองกัน จะเป็นภาษากวีหน่อยนะ
ลูกทุ่งก็เป็นเหมือนกันคนละแบบจากทุกวันนี้
ทุกวันนี้ก็เป็นบ้างไม่เป็นบ้างแต่อย่าไปว่าเขานะแล้วอย่าหาว่าผมว่านะ ว่าไม่ได้นะ
เพราะสาเหตุว่าไม่ได้มีหลักสูตรในการศึกษา ไม่ได้วางกฎเกณฑ์ คล้ายๆ
กับว่าไม่มีกฎหมายน่ะเพราะฉะนั้นไปว่าเขาไม่ได้
เขาอาจจะเขียนแล้วทั้งเพลงมีวรรคเดียวแล้วดังแต่วรรคเดียวของเขาทีเด็ดน่ะ"






สมัครรับข่าวอัพเดตบทความจาก ชมรมคนรักเพลงลูกทุ่ง ทาง E-Mail


เมื่อสมัครแล้วจะมี verify e-mail ไปแจ้งให้คลิกเพื่อยืนยันอีกครั้งหนึ่ง

แล้วท่านจะได้รับข่าวอัพเดทใหม่ๆทาง e-mail ทุกครั้งพร้อมกับเวบนี้

No comments:

Post a Comment