"กุ้ง สุธิราช"เต็มร้อย! อนุรักษ์"ลิเก"ควบ"เพลง"

คอลัมน์ จับกระแสลูกทุ่ง

พรรษาวดี มานูญวงศ์ รายงาน



ช ่วงนี้ค่ายอาร์สยาม ในเครือ บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) อาจจะดูคึกคักเป็นพิเศษ เพราะศิลปินลูกทุ่งพร้อมใจกันเข้าไปเป็นสมาชิกใหม่ ทั้ง ปีเตอร์ โฟดิฟาย, จินตหรา พูนลาภ รวมทั้งพระเอกลูกทุ่ง "กุ้ง"สุธิราช วงศ์เทวัญ ก็มาด้วย

พอรู้ว่าพระเอกตาหวาน "กุ้ง-สุธิราช" ย้ายมาซบอกค่ายอาร์สยาม เหล่าแม่ยกก็ต๊กกะใจกันเป็นแถว แต่ก็ยังรักกันเหมือนเดิม อุดหนุนอัลบั้ม "เรี่ยมเร้เรไร" ที่เพิ่งคลอดมาหมาดๆกับค่ายอาร์สยาม จนยอดพุ่งกระฉูด วันนี้เลยเอาใจแม่ยกกันอีกต่อ คว้าหนุ่ม "กุ้ง" มานั่งคุยกันซะตรงนี้เลย

-จุดเปลี่ยนของการตัดสินใจที่จะมาอยู่กับอาร์สยามอยู่ตรงไหน

ก ุ้ง - "ตอนนั้นออกมาจากบริษัทเดิม คือ กรุงไทย นายห้างก็อนุญาตให้มาทำที่ไหนก็ได้ นายห้างประเสริฐ เหมือนญาติผู้ใหญ่ ผมไม่เคยลืมพระคุณ ความจริงผมเซ็นสัญญากับเขาไว้ 5 ปี จะหมดอีก 2-3 ปีข้างหน้า เขาก็บอกว่าขอให้รวยนะ ผมเดินออกมา ผมรู้สึกภูมิใจและต้องขอบคุณ นายห้างเป็นผู้ใหญ่ที่ใจดีมาก ทำให้ผมมีโอกาสได้มาทำงานที่นี่ ก็มาคุยกับพี่เหน่ง-จิระวัฒน์ ปานพุ่ม พี่เขาบอกว่าอยากให้กุ้งมาทำงานร่วมกัน ก็ได้ฟังชิ้นงาน แล้วมั่นใจพี่เหน่ง เพราะรู้จักกันมานาน ทั้งพี่ตี๋-นฤพล พานทอง ลูกชายอาชาย เมืองสิงห์ ทำงานด้วยกันมาตลอด เขาทำดนตรีให้ในทุกชุดที่ผ่านมา สนิทกันมาก"

-อะไรที่มีส่วนทำให้ตัดสินใจ

ก ุ้ง - "ข้อตกลงครับ การที่เรามีอาชีพหลักเป็นลิเกต้องคุยงานให้ละเอียดว่าจะมีปัญหาไหม ก็คุยกันว่าน่าจะผ่าน เราชอบ และมั่นใจในการทำงานของพี่เหน่ง มีคุณภาพ รู้ใจและประกอบกับค่ายอาร์สยาม ผมชอบมานานแล้ว เขาทำจริงจัง โปรโมตเต็มที่ เลยตัดสินใจร่วมงาน เซ็นสัญญา 5 ปี เฉพาะงานเพลง อาจจะมีพรีเซ็นเตอร์ ดูแลเรื่องภาพ เรื่องเพลง ส่วนลิเกผมจัดการเอง"

-คุยกับแม่ยกยังไงบ้าง

ก ุ้ง - "ที่ตัดสินใจอยู่อาร์สยาม ก็ได้คุยกับครอบครัวเป็นหลัก แฟนๆ รู้ว่าเราจะได้อยู่อาร์สยามเขาตื่นเต้นนะ อยู่ค่ายนี้ดังแน่ เพลงเขาเพราะ เขามั่นใจและเป็นกำลังใจด้วย"

-อาชีพลิเกก็ยังทำอยู่

กุ้ง - "มันเป็นอาชีพหลักของครอบครัวตั้งแต่ปู่ ย่า ตา ยาย ซึ่งเราสืบทอดมา ใช้ชื่อคณะทวีป-ชัยณรงค์ วงศ์เทวัญ ตอนนี้เป็นวงใหญ่ที่มีญาติพี่น้องรวมอยู่ในคณะ เกือบร้อยชีวิต ซึ่งแต่ละคนไม่ได้มีอาชีพมั่นคงมากนักนอกจากอาชีพลิเก ซึ่งถือเป็นอาชีพหลักของเขา ก็ไม่สามารถทิ้งได้ เราเป็นเสาหลัก พ่อ แม่เป็นคนควบคุมลูกน้อง"

-พอได้เข้ามาอยู่อาร์สยามแล้วเป็นอย่างไรบ้าง

กุ้ง - "อบอุ่นครับ มีโอกาสได้ทำงานที่จริงจังมีคุณภาพ แต่ละคนก็มีคุณภาพ มีระบบที่ชัดเจน ทำงานแล้วถูกใจ ดีใจที่ได้มาอยู่ที่นี่ เรารู้สึกว่าเราเป็นส่วนหนึ่งที่ได้มาทำงาน เราทำงานทุกงานเต็มที่อยู่แล้ว งานจะออกมาถูกใจคนหรือไม่อยู่ที่แฟนๆ แต่เราเต็มร้อย คนทำงานก็เต็มร้อย"

-ศิลปินในสังกัดก็ค่อนข้างเยอะกลัวจะแย่งกันเองไหม

กุ้ง - "เขาแบ่งชัดเจนอยู่แล้ว ว่าคนนี้แนวไหน แต่ละคนมีสไตล์ของตัวเอง ลูกทุ่งอีสาน ใต้ เหนือ กลาง ของกุ้งเป็นภาคกลางก็มีสีสันของภาคกลาง มีระนาด เครื่องดนตรีหลายชิ้น เป็นดนตรีไทยอย่าง เรี่ยมเร้เรไร นี่นำโดยระนาดเอก อย่างชื่อฟังดูลิเกเหมือนกัน พอมีระนาด มีดนตรีเข้ามา ให้มองว่าเรายังคงคอนเซ็ปต์เป็นพระเอกลิเกมาร้องเพลงลูกทุ่ง แต่เนื้อหาเป็นลูกทุ่งชัดเจน"

-10 เพลง ในอัลบั้มเป็นอย่างไรบ้าง

ก ุ้ง - "ส่วนใหญ่จะมีพล็อตไปให้นักแต่งเพลง พี่เหน่งคัดมาแล้วก็เอามาให้ผมฟัง ก็ชอบ พี่ตี๋กับพี่เหน่งก็ยังมาทำเพลงให้ในชุดนี้ ทั้ง 2 คนทำงานเต็มที่ ต่างสไตล์กันแต่รวมกันในชุดนี้ ของพี่เหน่งผมชอบเพลงเร็วเขามาก เพลงเร็วเขามีเอกลักษณ์ หวานก็หวานลูกทุ่ง พี่ตี๋จะออกแนวลูกทุ่ง คลาสสิค เลยมาลงตัวที่ป๊อปทันสมัย แนวทางผมเป็นลูกทุ่งคลาสสิค แต่มีความโดดเด่นเรื่องดนตรี เพลงเร็ว มีป๊อป เลยดูกลมกลืน"

-มีเพลงเร็วก็มีเต้นด้วย

กุ้ง - "เป็นคนชอบเต้นอยู่แล้ว เมื่อก่อนเต้นไปเรื่อยๆ พอมาทำชุดนี้โดยการเปิดแบบเพลงเร็วๆ ก็ตื่นเต้นดี สนุกสนาน ก็มาเรียนเต้นด้วย 4-5 ชั่วโมงต่อวัน ตื่นเต้นเพราะไม่เคยเต้น พอมีครูสอนเริ่มสนุก พอออกไปโชว์เริ่มมั่นใจ ชุดนี้ผมถูกใจมาก เพลงเร็วที่โดนมี 4 เพลง เรี่ยมเร้เรไร หย่อน สวยได้ใจ โอ๊ะโอ๊ย ส่วนเพลงช้ามี คนดีของเธอ หัวใจไร้อันดับ ฮีโร่ คิดถึงใจจะขาด ที่เด่นคือ ฮีโร่ ชอบเป็นพิเศษ นักแต่งเพลงมองไปถึงว่าทุกคนต้องมีฮีโร่ในหัวใจ แต่ฮีโร่ของคนส่วนใหญ่อย่างคนไทยก็คือในหลวง ท่านอยู่ในหัวใจคนไทยทุกเวลา เรายอมเสียสละได้"

-แบ่งคิวเพลงกับลิเกยังไง

กุ้ง - "พอดีลิเกเริ่มซา ก็ว่างมาเข้าห้องอัดเสียง พักผ่อนเต็มที่ อย่างงานลิเกจะมีช่วงหน้าร้อน มี.ค.-พ.ค. ส่วนงานเพลงก็มาเคลียร์จัดสรรกัน ไม่ให้คิวทับกัน ช่วงนี้เป็นช่วงเบรกของลิเก แต่ละคนก็มีอาชีพส่วนตัวเล็กน้อย เหมือนอาชีพหลักลิเก พอมีงานก็มารวมตัวกัน"

-รู้สึกยังไงกับคำว่าลูกทุ่งลิเก

กุ้ง - "การที่เป็นพระเอกลิเก ลูกทุ่ง ผมว่าเป็นโอกาสที่ดีของตัวเอง เคยมีที่ดูถูก ดูแคลน แต่รู้สึกว่าหลายคนยอมรับอาชีพนี้ เราทำด้วยใจบริสุทธิ์ และความสุขของคนดู มันเป็นศิลปะไทยๆ ที่คนไม่ได้มาเป็นลิเกกันง่ายๆ มันต้องมีความสามารถและมีสายเลือดและความตั้งใจสูง ผมจะสืบสาน รุ่นลูกหลานก็ให้ต่อเนื่องกับลิเก กับลูกทุ่งก็รัก เป็นงานที่รักมาก ก็จะทำจนสุดความสามารถ ตอนนี้แยกไม่ออกว่ารักสิ่งไหนมากที่สุด"

-ช่วงนี้การแข่งขันสูง

ก ุ้ง - "เราแข่งขันกันที่ผลงาน ใครทำงานได้ละ เอียดใครทำงาน ตั้งใจจริงไม่ยากที่จะประสบความสำเร็จ เพราะเมื่อเราตั้งใจไปกับงานแล้วคนฟังจะรู้สึกได้ ผมทำงานเพลงมาตั้งแต่ปี"41 ก็เกือบ 10 ปีแล้ว รู้สึกมีพัฒนาการขึ้นมาเรื่อยๆ เราได้เจอคนที่เก่งมีฝีมือแล้วมาร่วมตั้งใจทำงานให้เรา เราต้องเต็มที่ด้วย มันจะเป็นรูปแบบเป็นระบบมากขึ้น"

-ประสบการณ์ชีวิตวัย 27 ปีได้อะไรมาบ้าง

ก ุ้ง - "ได้เจออะไรมาหลายอย่างสั่งสมประสบ การณ์ชีวิตไว้ทำงาน บางครั้งช่วยกันได้ แต่โดยส่วนตัวยังรู้สึกว่าตัวเองยังเด็ก เจอพี่ๆ เรารู้สึกยังเด็ก ยังสนุก ไม่ต้องมาวางมาดว่าเราเป็นนักร้องโตแล้ว ยังตักเตือนได้หมด ผมไม่ชอบเครียด ทำอะไรให้มีประโยชน์กับตัวเอง เล่นกีฬา ไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ถ้าเราสุขภาพจิตดีก็ดีไปด้วย"

-เรื่องการศึกษาอยู่ในระดับไหนแล้ว

ก ุ้ง - "จบปริญญาตรีรามคำแหง รัฐศาสตร์การเมืองการปกครอง ภูมิใจมากเราร่ำเรียนมา 5-6 ปีเรียนด้วยตัวเอง สามารถจบได้ครอบครัวภูมิใจ แฟนๆ ภูมิใจด้วย พิสูจน์ความอดทนในตัวเอง ที่วางไว้ก้าวต่อไปอาจจะเรียนเพิ่ม เช่น เรื่องลิเก เพลง หรือต่อปริญญาโทเมื่อมีโอกาส ที่เลือกเรียนด้านการปกครองคือเราเอามาใช้ชีวิตประจำวันได้ในการปกครองลูกน้ อง แต่เรื่องการเมืองจริงๆ ก็ชอบ แต่ยังไม่คิดลงเล่นการเมืองยังอยากใช้ชีวิตแบบนี้อยู่"

-อยากฝากถึงแฟนๆ กับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่

ก ุ้ง - "อยากฝากผลงานในค่ายใหม่เป็นงานที่ตั้งใจมาก อยากให้ทุกคนได้ฟัง อยากจะพยายามทำงานมาให้ทุกคนชอบ เต็มที่ และอยากฝากน้องสาวด้วย อาจจะมีโอกาสได้มาร่วมงานกับอาร์สยาม และขอฝากลิเกไว้ด้วย เป็นศิลปะไทย ที่ทุกวันนี้กลัวจะสูญหาย อยากจะให้เอาไปโชว์ต่างชาติ ผมมีวันนี้ได้อยู่ที่แฟนเพลง แฟนลิเกให้การต้อนรับ ผมจะทำตัวเป็นคนดี ตั้งใจทำงานให้ทุกคนได้เห็น แฟนเพลงมีความสุขเราก็มีความสุข"

ทีมา นสพ.ข่าวสด วันที่ 04 สิงหาคม พ.ศ. 2550 ปีที่ 17 ฉบับที่ 6092
หน้า 21